ข้อจำกัด...สร้างชีวิตไร้ขีดจำกัด
เรื่องราวต่อไปนี้ เป็นเรื่องของความงดงามและเข้มแข็งของซัน ผู้อยู่ร่วมกับเชื้อเอชไอวีที่ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค ไม่จำนนต่อความทุกข์ที่เกิดขึ้นแบบไม่ทันได้เตรียมใจ แต่กลับพัฒนาและยกระดับจิตใจให้แกร่งเกินกาย ใข้ชีวิตอย่างมีความสุข เผชิญอุปสรรคด้วยหลักยึดที่ว่า “คนเราทุกคนเกิดมาก็ต้องตาย ดังนั้นเมื่อมีชีวิตอยู่เราก็ต้องใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า”
ซันเป็นหนึ่งในผู้อยู่ร่วมกับเชื้อฯที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 คือการโดนเลิกจ้างงาน ซึ่งทางมูลนิธิเอดส์แห่งประเทศไทยได้ช่วยเหลือค่าใช้จ่ายสำหรับค่าเช่าห้องพักจำนวนหนึ่งให้กับซัน ในช่วงเวลาวิกฤติ 3 เดือน เพื่อตั้งหลักสำหรับการก้าวต่อไป

ในช่วง 2 เดือนก่อนหน้านั้นที่สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย กำลังระบาดอย่างหนัก ซันเป็นพนักงานของโรงงานแห่งหนึ่ง แต่เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ที่แพร่ระบาดอย่างรวดเร็วในตอนนั้น ทำให้โรงงานต้องหยุดพักตามมาตรการของภาครัฐ ซันจึงโดนปลดออกจากงานอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่ซันไม่ท้อถอยและพยายามหางานทำตลอด แม้จะได้เงินเพียงเล็กน้อยแต่ซันออกจากบ้านไปทำงานทุกวัน เช่น เสิร์พอาหาร ทำกล้วยฉาบไปขาย แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องยอมรับว่ารายรับที่ได้ไม่เพียงพอ และร่อยหรอลงทุกวัน ซันจึงตัดสินใจขอความช่วยเหลือผ่านมูลนิธิเอดส์แห่งประเทศไทย

“ผมรู้ตัวว่าติดเชื้อเอชไอวีเมื่อปี 2551 จากแฟน หลังจากนั้น 1-2 ปี แฟนก็เสียไปเพราะไม่สู้ต่อ แต่ผมไม่คิดอย่างนั้น หลังจากแฟนเสียผมก็ไม่ได้คบใครอีก ผมพยายามดูแลตัวเองให้ดี ผมกินยาต้านตรงเวลา ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ และสิ่งสำคัญที่ทำให้ผมเดินต่อไปได้คือหลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา เราต้องมีสติ เกิด แก่ เจ็บตาย เป็นเรื่องธรรมดา เราไม่ควรเอาความตายหรือโรคมาเป็นข้อจำกัดหรือตัวกำหนดคุณค่าชีวิต เรายังสามารถทำอะไรได้อีกเยอะ”

หลังจากที่ซันพยายามหางานมาโดยตลอดแม้จะโดนปฏิเสธบ้าง เมื่อไม่นานมานี้ทางมูลนิธิเอดส์ฯได้รับข่าวดีจากซัน ว่าซันได้งานประจำแล้ว แม้เงินเดือนจะไม่มากนักแต่ก็สามารถดูแลตัวเองได้ และซันอยากจะให้กำลังใจผู้อยู่ร่วมกับเชื้อฯคนอื่นๆว่าขอให้มีสติในการใช้ชีวิต และเห็นคุณค่าในตัวเอง ดูแลสุขภาพตัวเองให้ดีเพื่อทำประโยชน์ให้กับสังคม และอยากบอกกล่าวกับคนในสังคมด้วยว่า ผู้อยู่ร่วมกับเชื้อฯสามารถทำงานได้ เพียงแค่เปิดใจ ให้โอกาส และให้ความสำคัญกับความสามารถของตัวบุคคลมากกว่าผลเลือด จะเห็นว่าผู้อยู่ร่วมกับเชื้อฯทำงานได้ดีไม่ต่างจากคนทั่วไปเลย

ในหลายปีที่ผ่านมาผู้อยู่ร่วมกับเชื้อเอชไอวีมักถูกสังคมตัดสิน ตีตรา และถูกเลือกปฏิบัติ โดนผลักออกให้เป็นคนนอกสังคมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เพียงเพราะผลเลือดที่แตกต่าง ผู้อยู่ร่วมกับเชื้อฯต้องอยู่ในสภาวะจำยอม การถูกกระทำเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าแม้เวลาจะผ่านมานานกว่า 30 ปี และพัฒนาการทางการแพทย์ในการดูแลรักษาผู้อยู่ร่วมกับเชื้อฯจะไปไกลแค่ไหนแล้วก็ตาม แต่ทัศนคติ ความคิด ความเชื่อ ของผู้คนต่อเชื้อเอชไอวี/เอดส์ยังอยู่ที่เดิม ทั้งที่ปัจจุบันผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลกและไทยยืนยันว่าการติดเชื้อเอชไอวีสามารถเกิดได้เพียง 2 ทาง คือการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน และทางเลือด (ที่มา : กรมควบคุมโรค) จากการใช้เข็มฉีดยา(เสพติด)ร่วมกัน อีกทั้งในปัจจุบันมียาต้านไวรัสที่ให้ผลการรักษาที่ดี ทำให้ผู้ติดเชื้อเอชไอวีมีสุขภาพที่แข็งแรง และสามารถดำรงชีวิตหรือทำกิจกรรมต่างๆได้เช่นเดียวกับบุคคลทั่วไป สถานะการเป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวีจึงไม่ควรเป็นอุปสรรคต่อการทำงานไม่ว่าอาชีพใดๆก็ตาม

การแพร่ระบาดของ COVID-19 ถือเป็นวิกฤตร่วมกันของคนทำงานทุกสาขาอาชีพ โดยเฉพาะกลุ่มแรงงาน และที่เป็นผู้อยู่ร่วมกับเชื้อเอชไอวียิ่งได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก เพราะการหางานที่ยากกว่าคนทั่วไปแล้ว การต้องมาตกงานอย่างไม่ทันตั้งตัว ย่อมส่งผลกระทบในเรื่องค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันที่จำเป็น และยังมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปตรวจสุขภาพหรือรับยาต้านไวรัสอีกด้วย

เพื่อเป็นการช่วยเหลือและแบ่งปันกันในภาวะวิกฤตินี้ มูลนิธิเอดส์แห่งประเทศไทย จึงขอเชิญชวนทุกท่านร่วมบริจาคเงินสมทบทุนเข้า “กองทุนเด็กและผู้ได้รับผลกระทบฯ” เพื่อช่วยเหลือเยาวชนและผู้ที่อยู่ร่วมกับเชื้อฯ ที่อยู่ในภาวะยากลำบากและต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน ที่บัญชี “มูลนิธิเอดส์แห่งประเทศไทยเพื่อกองทุนเด็กและผู้ได้รับผลกระทบฯ” ธนาคารไทยพาณิชย์  สาขางามวงศ์วาน  เลขที่บัญชี 319-294711-6

และในช่วงเวลาที่ประเทศไทยและทั่วโลกกำลังเผชิญวิกฤติการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มูลนิธิเอดส์แห่งประเทศไทย “ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านผ่านพ้นช่วงเวลานี้ ด้วยการดูแลสุขภาพ ป้องกันตัวเองเมื่อออกไปในที่สาธารณะ และมีจิตใจที่เข้มแข็ง อีกไม่นานเราจะพิชิตโควิดได้อย่างแน่นอน”